กลุ่มสายการบิน “ลุฟท์ฮันซ่า”ตอกย้ำความทันสมัย พร้อมลงทุนโครงการระบบดิจิทัลในไทย

846

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 ที่โรงแรมเชลอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท กทม. นายสเตฟาน โมลนาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย ฟิลิปปินส์,เวียดนาม และภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ของกลุ่มสายการบินใน กลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่า(Lufthnsa Group)และนายมัทธีอัส เบอร์การ์ต โฆษกจากสายการบินยูโรวิงส์ ที่เดินทางมาจากประเทศเยอรมันนี เพื่อให้ข้อมูลล่าสุดของกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่าในประเทศไทย และในภูมิภาคที่รวมไปถึงในด้านการเข้าสู่ยุคดิจิทัลของสายการบินอย่างแท้จริง

โดยนายสเตฟาน กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 ตนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยฯ โดยมีสำนักงานของกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่า ประเทศไทยในกรุงเทพฯ หน้าที่รับผิดชอบดูแลงานฝ่ายขายในประเทศไทย พม่า ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และเวียดนาม  ให้กับสายการบินในกลุ่มลุฟท์ฮันซ่าซึ่งเป็นสายการบินระดับพรีเมียม ซึ่งประกอบด้วย 5 สายการบินได้แก่ สายการบินออสเตรียน เป็นสายการบินแห่งชาติออสเตรีย ,สายการบินยูโรวิงส์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำลุฟท์ฮันซ่า , ลุฟท์ฮันซ่าสายการบินแห่งชาติเยอรมันนี ,สวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ และ เอเดลไวส์แอร์สายการบินสัญชาติสวิสฯ

นายสเตฟาน กล่าวต่อว่า ในปี 2560 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนถึงร้อยละ 12.4  คิดเป็นเงิน 35.6 พันล้านยูโร ส่วนผู้ถือหุ้นก็มีเงินปันผลเพิ่มขึ้นถึง 60% และจากความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้ในปี 2561 นี้ กลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่ายังมุ่งมั่นขยายการเติบโตขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยการนำเสนอบริการและเส้นทางการบินใหม่ล่าสุด พร้อมบริการที่เข้าสู่ระดับดิจิทัล

หลังจากที่ได้ทำการเปิดตัวแบรนด์ลุฟท์ฮันซ่าโฉมใหม่ ไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่ายังคงดำเนินธุรกิจสานต่อการเดินหน้าเข้าสู่ความทันสมัยด้วยกลยุทธ์หลัก 3 ส่วน คือ 1.เครือข่ายสายการบินระดับพรีเมียมของกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่า 2.ธุรกิจของกลุ่มยูโรวิงส์ และ3.การให้บริการด้านการบินต่างๆโดยทางกลุ่มจะเพิ่มการลงทุนในด้านคุณภาพและการเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่เน้นการประหยัดต้นทุนแต่เพิ่มประสิทธิภาพ

นายสเตฟาน กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นสายการบินสัญชาติยุโรปที่อยู่ในระดับ 5 ดาวเพียงรายเดียว ก็คือ การปฏิวัติตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะส่งมอบประสบการณ์ในการเดินทางให้แก่ลูกค้าของเรา และยังเข้าใจว่าการนำเอาความต้องการของแต่ละบุคคลที่เป็นลูกค้ามารวมกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เดินทางในปัจจุบัน สำหรับพนักงานของกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่าในปัจจุบันมีทั้งหมด 1.29 แสนคนทั่วโลก และมีเครื่องบินอยู่ประมาณ 700 กว่าลำ และในปี 2560 เราได้มีการให้บริการผู้โดยสารประมาณ 130 ล้านคน และในตลอด 1 สัปดาห์เรามีเที่ยวบินมากกว่า 1.5 หมื่นเที่ยวบิน และมีเมืองต่างๆที่เราไปลง 344 เมือง จาก 103 ประเทศทั่วโลก โดยยุโรปยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มลุฟท์ฮันซ่า เรามีเที่ยวบินที่บินในยุโรปประมาณ 7,000 เที่ยวบิน ทั้งในประเทศเยอรมันเอง รวมถึงสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ และสวิสอินเตอร์เนลั่นแนลแอร์ไลน์ ล่าสุดจะมีจากเบลเยี่ยมเข้ามาด้วย เรามีเที่ยวบินกระจายไปทั่วโลก

 

นายสเตฟาน กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ยังจัดงบในการลงทุน 500 ล้านยูโร หรือประมาณเกือบ 20,000 ล้านบาท ในการปรับการบริการต่างๆ ให้มีความเป็นดิจิทัล ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เช่น การให้บริการไวไฟบนเครื่องบิน ซึ่งขณะนี้ติดตั้งไปแล้วในเส้นทางระหว่างทวีป และภายในทวีปยุโรป โดยจะติดตั้งครบทั้งหมด 700 กว่าลำภายในปี 2563 ขณะเดียวกันยังได้จัดทำแอพพลิเคชั่น ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารของกลุ่มลุฟท์ฮันซ่า ไม่ว่าจะเป็น การเช็คอิน จองที่นั่ง และการรับบริการต่างๆ โดยล่าสุดได้ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ ในการชำระค่าโดยสารด้วยระบบ QR Code ซึ่งจะเริ่มให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2561นี้ เพื่อตอบรับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล และเป็นทางเลือกให้แก่ผู้โดยสาร  เนื่องจากในภูมิภาคนี้กำลังมีการขยายตัวอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น สายการบินออสเตรียนได้ทำการอัพเกรดเครื่องบินพิสัยไกลทั้ง 11 ลำด้วยชั้นโดยสารแบบประหยัดระดับพรีเมียม เมื่อต้นปี2561 โดย ชั้นโดยสารแบบใหม่นี้พร้อมให้บริการบนเส้นทางบินระหว่าง กรุงเทพฯ สู่เวียนนา พร้อมเก้าอี้โดยสารที่เป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สามารถโหลดกระเป๋าได้ 2 ใบโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม และบริการอาหารชั้นเลิศระหว่างเที่ยวบิน โดยกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สายการบินออสเตรียนให้บริการบิน

“การนำสายการบินทั้ง 5 ในยุทธศาสตร์ของเรามาไว้ทีเดียวเพื่อจะได้ไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อนกัน ทำให้เราสามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ผู้โดยสารสามารถเลือกเที่ยวบินได้ตลอดว่าจะบินแบบไหนสายการบินใด อีกทั้งในปี 2559-2568 ยังมีแผนลงทุนกว่า 44,000 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ในการจัดซื้อเครื่องบินเพิ่ม 252 ลำ โดยมีแผนขยายการเติบโตและเพิ่มเส้นทางบินใหม่ๆทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย และภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงด้วย ซึ่งในจำนวนนี้ก็เริ่มมีการนำมาใช้แล้วในบางเส้นทาง” นายสเตฟาน กล่าว

นายสเตฟาน กล่าวว่า นอกจากนี้ ลุฟท์ฮันซ่ายังนำเสนอ ดรีม คอลเลคชั่น (Dream Collection) ที่ออกแบบใหม่ เป็นสีน้ำเงินเข้ม ส่วนสีเหลืองยังคงมีอยู่แต่ใช้ในบทบาทพิเศษ ส่วนรูปนกมีเหมือนเดิม ทำให้เกิดภาพลักษณ์เชิงบวกกับองค์กรและเป็นโมเดลมากยิ่งขึ้นที่คงเป็นระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในรอบ 30 ปีจากที่หลายๆสายการบินอื่นมีการเปลี่ยนแปลงแล้วก็ตาม รวมทั้งยังเป็นการปรับให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล อย่างไรก็ตาม รูปแบบใหม่นี้จะให้เปลี่ยนทันทีไม่ได้คงต้องใช้เวลา สำหรับเส้นทางบินขาเข้าและออกจากกรุงเทพฯ ที่นอกจากจะให้บริการปลอกหมอนแบบใหม่และผ้าห่มขนาดใหญ่ที่พร้อมให้ความอบอุ่น ดรีม คอลเลคชั่น ยังมีผ้าปูรองที่นอนที่มอบความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจบนเที่ยวบินระยะไกลอีกด้วย ทั้งยังมีเสื้อใส่นอนจากแบรนด์ Van Laack ที่พร้อมมอบให้ระหว่างเที่ยวบินระยะไกลเพื่อความสบายมากยิ่งขึ้นในระหว่างการเดินทาง

พร้อมกันนี้กลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่าจะมีการอัพเดทต่างๆ ในช่วงฤดูหนาวของปี 2561/2562 ของภูมิภาคนี้เช่นเดียวกัน โดยในช่วงฤดูร้อนนี้ ยูโรวิงส์ได้ทำการเปิดตัวเที่ยวบินระยะไกลบนเส้นทางบินจากมิวนิค สู่ กรุงเทพฯ เป็นจำนวน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

สำหรับตารางบินในช่วงฤดูหนาว ยูโรวิงส์จะรวมการให้บริการเที่ยวบินระยะไกล โดยมุ่งเน้นที่เส้นทางบินจากดุซเซลดอร์ฟแทนเที่ยวบินขาออกนอกประเทศจากเมืองต่างๆ ในประเทศเยอรมันนี ด้วยการเปลี่ยนแปลงการให้บริการดังกล่าวยูโรวิงส์จะให้บริการเส้นทางบินจากดุซเซลดอร์ฟ มายังกรุงเทพฯ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์” โดยเป็นการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน 25% เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน

ตารางบินในช่วงฤดูหนาวปี2561/2562 ลุฟท์ฮันซ่ายังคงมอบบริการการบินบนเส้นทางสู่กรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินรุ่นหลักที่ใช้ปฏิบัติการบินอย่างแอร์บัส เอ380-800 ซี่งมีทั้งหมด 4 ชั้นโดยสาร คือชั้นเฟิร์สคลาส ชั้นธุรกิจ ชั้นประหยัดพรีเมี่ยม และชั้นประหยัด ที่รองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 509 คน ระหว่างกรุงเทพฯ และเยอรมันนี

“นอกจากนี้ เอเดลไวส์แอร์ สายการบินชั้นนำสัญชาติสวิสเพื่อการพักผ่อนและเป็นสายการบินในเครือของสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ ยังให้บริการเที่ยวบินใหม่ระหว่างซูริค สู่ โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ที่พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นบริการเพิ่มเติมจากการให้บริการเดินระหว่างซูริค ประเทศสวิสฯ สู่ ภูเก็ต ประเทศไทย

สายการบินในกลุ่มลุฟท์ฮันซ่า (ประกอบด้วยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า สายการบินสวิส สายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ส และสายการบินยูโรวิงส์) ปัจจุบันให้บริการเที่ยวบิน 29 เที่ยวบินต่อสัปดาห์จากประเทศไทยสู่ยุโรป และในช่วงฤดูหนาวจะให้บริการเที่ยวบินจากประเทศเวียดนามและประเทศไทยสู่ยุโรป จำนวน 31 เที่ยวบินต่อสัปดาห์” นายสเตฟาน กล่าวทิ้งท้าย