นุ่น รมิดา ดารา อาสาสมัครต่อต้านมะเร็งประจำประเทศไทย ร่วมกับ 3 ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายแบ่งปันประสบการณ์

290

นุ่น รมิดา ดารานักแสดงสาวที่เป็น อาสาสมัครต่อต้านมะเร็งประจำประเทศไทย ร่วมกับ 3 ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายแบ่งปันประสบการณ์การรักษาด้วยนวัตกรรมเทคนิคแบบบาดแผลเล็ก ที่ รพ.กว่างโจวสแตมฟอร์ด แล้วเหมือนได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 25 พ.ค.2562 ที่โรงแรมสวิสโซเทล บางกอก ถนนรัชดา ห้วยขวาง กทม. นาย หยาง หง บิน ผู้จัดการโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวสแตมฟอร์ด สาขา กทม.ร่วมกับนายณรังสรรค์ สุรเจริญชัยกุล ผจก.ภาคอาวุโส AIA ประกันชีวิต มอบความหวังใหม่ให้แก่ผู้ป่วยมะเร็ง โดยการจัดสัมมนาบรรยายให้ความรู้วิธีการรักษามะเร็งแผนใหม่ โดยเชิญศาสตราจารย์นายแพทย์ จาง เจ๋อ หลิน บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมรักษาโรคมะเร็งด้วยเทคนิคแบบบาดแผลเล็ก ใช้เวลาพักฟื้นในระยะสั้น ได้แก่ เทคนิคมีดนาโน, เทคนิคการใช้ความเย็น เป็นต้น รวมถึงการรักษาด้วยเทคนิคการรักษาแบบบูรณาการบาดแผลเล็กอีก 21 เทคนิค โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว เป็นโรงพยาบาลในเครือบริษัท ป๋ออ้าย เมดิคอล เซอร์วิส กรุ๊ป ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปี มีเป้าหมายด้านการรักษามะเร็งเป็นหลัก

ได้ผ่านการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล JCI (The Joint Commission International) สำหรับการรักษามะเร็ง มีความโดดเด่นในด้านการรักษาแบบเฉพาะจุด บาดแผลเล็ก ผสมผสานระหว่างแพทย์แผนจีนและตะวันตก โดยมีเทคโนโลยีการรักษามะเร็งที่ทันสมัยถึง 18 อย่าง ได้แก่ การใช้คีโมเฉพาะจุด การรักษาโดยใช้ความเย็น และการปลูกถ่ายเซลล์ภูมิคุ้มกัน การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ มีดนาโนเทคโนโลยี่ การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ การรักษาด้วยคลื่นไมโครเวฟ เป็นต้น โดยรักษาผู้ป่วยมะเร็งมาแล้วหลายหมื่นคน ซึ่งทุกปีจะมีคนไข้จากประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ กัมพูชา มาเลเซีย ซาอุดิอาระเบีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

โดยมี”นุ่น รมิดา ประภาสโนบล ดารานักแสดงสาวที่เป็นอาสาสมัครต่อต้านมะเร็งประจำประเทศไทยมีประสบการณ์ที่ มีคุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งหลอดอาการชั้นต้น เคยไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลนี้มาแล้ว อยากทำอะไรก็ได้ที่เป็นการให้กำลังใจแก่คนที่เป็นมะเร็วลุกขึ้นมาต่อสู้ สิ่งนี้เป็นปัจจัยหลักในการมาเป็นอาสาสมัคร ไม่อยากเห็นใครถอดใจจากการรักการรักษา ถ้าเป็นสมัยการใครเป็นมะเร็วก็จะรู้ตัวทันทีว่าเป็นแล้วก็ต้องตายแน่นอน สมัยนี้มีผู้ป่วยมะเร็งในระยะที่4 จำนวนมากมายที่รักษาแล้วมีโอกาสรอด กรณีคุณแม่เสียชีวิตไปครอบครัวเราไม่ได้เสียใจตรงที่ไปรักการรักษา แต่มันเกิดจากตรงจุดที่ค่อนข้างยากในการรักษา ตนตัดสินใจพาคุณแม่ได้รักษาที่จีน เพราะเมืองไทยคุณหมอบอกรักษาไม่ได้แล้ว แนะนำให้เราใช้ชีวิตใกล้ชิดคุณแม่มากที่สุด แต่ครอบครัวเราไม่ยอม มีความรู้สึกว่าเราไม่ยอม เราต้องต่อสู้ ไม่สามารถเชื่อใครได้ในฐานะ ลูก หรือ สามี คนในครอบครัว เราต้องทำทุกทาง การที่คุณแม่เสียชีวิตลงไม่ได้มาจากการรักษาไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวคือเชื้อไวรัส คุณแม่ติดเชื้อแล้วลามไปที่สมอง เลยไม่สามารถรักษาต่อไปได้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของใคร มันเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในรายของเราพอดี ตนออกปากการันตีได้ว่าที่นี่รักษามะเร็งได้หายจริง หายมาแล้วหลายคนแล้วด้วย

นายประสิทธิ์ สุมณฑา ตรวจเจอว่าตัวเองเป็นมะเร็งบริเวณลำคอด้านขวาเมื่อปี 54 หมอในไทยแนะนำให้รักษาด้วยการฉายแสง จะตอบสนองกับร่างกายเรามากที่สุด ซึ่งผลข้างเคียงจะออกมามากหน่อย ตนต้องถนฟันไป 8 ซี่ ก้อนเนื้อค่อยๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนขนาดเท่าลูกมะพร้าว รู้สึกเจ็บจนไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ น้ำหนักก็ลดลงเรื่อยๆ และก้อนมะเร็งยังไปกดทับหลอดลมและหลอดอาหาร ส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหารมีปัญหา ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ

เห็นข่าวของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวบนหนังสือพิมพ์ จึงเข้าไปค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต และเมื่อวันที่12 เดือนมีนาคม พ.ศ.2558 จึงตัดสินใจไปรักษากับโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว หลังจากที่เดินทางไปถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ก็เริ่มการรักษา รักษาเพียง20กว่าวัน ก้อนมะเร็งขนาดเท่าลูกมะพร้าว (20x18x10cm ) ก็เล็กลงมาขนาดเท่าไข่ และทีมแพทย์ก็ได้วางแผนการรักษาพร้อมกัน โดยต้องรักษาหลอดลมของคุณประสิทธิ์ให้ดีขึ้นก่อน แก้ไขปัญหาเรื่องระบบการหายใจ เพื่อรับรองความปลอดภัยในขั้นตอนการรักษาต่อไป
ตั้งแต่วันที่ 23-30 เดือนมี.ค.ที่ผ่านา ได้เข้ารับการรักษาโดยการทำคีโมเฉพาะจุดและรักษามะเร็งที่ต้นคอด้านขวาโดยวิธีการให้ความเย็น1ครั้ง หลังจากทำคีโมเฉพาะจุดวันที่ 4 มะเร็งมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ กว่า 40% ทำให้รู้สึกมั่นใจในวิธีการรักษาของโรงพยาบาล และวันนั้นเป็นวันที่ผมยิ้มและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

นางรุ่งทิวา บราวน์ ตรวจเจอมะเร็งเต้านมเมื่อ พ.ศ.2558 รู้ตัวก็ช็อคเลย ครั้งแรกคิดว่าเป็นแค่ต่อมน้ำเหลืองอักเสบเฉยๆ ก่อนจะไปตรวจเช็ค 3 โรงพยาบาลยืนยันตรวจกันหมดว่าเป็นมะเร็ง หมอแนะนำวิธีการรักษา ฉายแสง ผ่าตัด คีโม และเพอร์เซ็ตติง ขบวนการรักษาจะต่อเนื่องนาน 1 ปีครึ่งแต่ตนปฏิเสธตั้งแต่การให้คีโมบำบัดแล้ว ตนเองไม่เชื่อการรักษาวิธีให้คีโมมาโดยตลอด จึงหาทางเลือกในการรักษาใหม่มาตลอด
ผ่านไป 3ปี มิ.ย. 61 คอเริ่มบวม ต่อมาที่แขน ตนไม่สามรถใช้ชีวิตประจำวันได้ ไปงานแต่งงานลูกสาวเพื่อน โทรมาแนะนำให้ไปรักษาที่เมืองจีน แนะนำว่าพี่กัณณพัฒน์เป็นมะเร็งเต้านมลุกลามไป 5 จุด คือกระดูก ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง ไปรักษาตัวที่กว่างโจว ปัจจุบันกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีโอกาสได้คุยกับเจ้าตัวด้วยตัวเองด้วยจึงตัดสินใจไปรับการรักษาทันที

ระหว่างรอขึ้นเครื่องจะเดินทางไปเมืองจีน ระหว่างรอเครื่องขึ้นอยู่สอง ช.ม. ตอนนั้นเดินไม่ได้ ต้องตะแคงตัวไปตลอด คิดไปต่างๆ นานา เพราะต้องเดินทางไปคนเดียวกลัวโน้นนี้สารพัด ตัดสินใจไลฟ์สดบอกเพื่อนๆ ด้วยความอัดอันตันใจ ร้องไห้ไปด้วย ทำให้มีเพื่อนๆเข้ามาดูมากขึ้น คิดว่าเป็นการไลฟ์สดครั้งสุดท้ายในชีวิต แต่หลังจากรักษาตัวที่นั้นแค่4- 5 เดือน ด้วยการทำคีโมเฉพาะจุดไป 6 ครั้ง เข็นเจาะใช้ความเย็นและความร้อนสลาย รวมทั้งวิธีการนำเลือกของเราไปทำวัคซีนแล้วฉีดกลับมาให้ร่างกายเรา กลับมาเดี๋ยวนี้มีความรู้สึกเหมือนมีชีวิตใหม่เลย ผลตรวจเลือดเมื่อ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาออกมาปกติทุกตัว

นายบำเหน็จ ผู้ป่วยมะเร็งอีกรายที่มาแบ่งปันประสบการณ์ บอกเล่าอาการตนเป็นมะเร็งลำไส้ประมาณ 5 ซ.ม. มีการลามไปที่ตับ ใหญ่ขนาด 10 ซ.ม. ปอดอีก 10 กว่าจุด หมอถามว่าทำพินัยกรรมหรือยัง กลับบ้านมาหายใจเจ็บมาก ติดต่อ รพ.เอกชนที่ กทม.มา ถามหมอๆ บอกโอกาสรอดน้อยมาก ตนไม่กลัวแต่ก็ไม่อยากตาย ผ่าตัดลำไส้เสร็จมีโอกาสเจอ คุณนุ่น รมิดา ตอนนั้นตับใหญ่รักษาไม่ได้แล้วได้แค่ประทังด้วยการให้คีโม จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แค่จำนวนเงิน หมายความว่าเงินหมดเมื่อไหร่ไม่มีเงินรักษาเมื่อนั้นก็ตาย หมอบอกไม่มีทางรักษาเลย พอได้มีโอกาสเจอคุณนุ่น แนะนำชักชวนให้ไปเมืองจีน บอกว่ารักษาได้ จึงตัดสินใจไปกว่างโจว เมื่อเดือน ส.ค.61 กลับมาเมื่อ 10มี.ค. ไปทำทีซีสแกน ผลออกมาก้อนเซลล์มะเร็งตายหมด ส่วนก้อนเนื้อที่ใหญ่ลดลง 30% ไม่ใหญ่ขึ้นอีกเพราะเป็นเซลล์ไม่มีชีวิตแล้ว