บริษัท ขาวละออเภสัช ผู้ผลิตและส่งออกยาสมุนไพรภูมิปัญญาไทย ชูแนวคิดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเชิงประสบการณ์เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของแบรนด์ที่ทำให้ครองใจและอยู่คู่ชาวไทยมานานกว่า 90 ปี ของ “ลุงขาวไขอาชีพ” พร้อมเผยตลาดสมุนไพรไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปี จากความนิยมในหมู่คนไทย และแพร่ขยายไปยังนักท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ที่วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ศูนย์รังสิต(เมืองเอก) นายวัชรพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาวละออเภสัช จำกัด พร้อมนักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย ร่วมแถลงข่าวผลงานต่อยอดการศึกษายาสมุนไพรไทยที่มีจำหน่ายในตลาดทั่วไปสำเร็จ จากสมุนไพรเป็นผงมาสู่เจลรักษาแผลในปาก พร้อมเล่าถึงความเป็นมาของการก่อตั้งธุรกิจในปี พ.ศ. 2472และการประกอบธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 4 เจนเนอเรชัน ของลุงขาวไขอาชีพในยุคแรกๆ จนครองคู่ชาวไทยมานานกว่า 90 ปี พร้อมด้วยพ.ญ.เพชรไพลิน พงษ์บริบูรณ์ ทายาทรุ่นที่ 4 ในฐานะผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บ.ขาวละออเภสัช จำกัด
นายวัชรพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาวละออเภสัช จำกัด กล่าวว่า ทักษะและความเชี่ยวชาญของขาวละออ คือ การที่เรามีองค์ความรู้ด้านสมุนไพรไทยแบบดั้งเดิม ตำรับยาศักยภาพสูงที่มีคุณสมบัติเพื่อการรักษารอบด้าน และกรรมวิธีการผลิตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาและบรรเทาอาการสูงสุด ทั้งยังผ่านการรับรองของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ที่ผู้บริโภคมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและถูกต้องตามมาตรฐานของทุกผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้เรายังมองไปถึงการเลือกช่องทางจัดจำหน่ายที่เหมาะสม ทั้งร้านขายยาทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และร้านสมุนไพร รวมไปถึงร้านในสนามบินสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้เข้าถึงบริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งเราได้ตั้งเป้าการส่งออกทั่วอาเซียน และประเทศอื่น ๆ ด้วย รวมแล้วกว่า 10 ประเทศ
นายวัชรพงษ์ กล่าวต่อว่า ขาวละออเภสัช ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2472 โดยหมอหลง ขาวละออ แพทย์และเภสัชกรแผนไทย ผู้ชำนาญการปรุงยาแผนโบราณจากสมุนไพร โดยผลิตภัณฑ์ของขาวละออเภสัช ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในยุคนั้นเป็นอย่างมาก ได้แก่ ยาถ่ายพยาธิขาวละออ และยากวาดสมานลิ้นขาวละออ ซึ่งยาถ่ายพยาธิขาวละออนั้น ได้ถูกบันทึกว่าเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงอย่างมากในหนังสือ “ชีวิตในวังเล่มที่หนึ่ง” โดย ม.ล. เนื่อง นิลรัตน์ ในขณะที่ยากวาดสมานลิ้นขาวละออ นับเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่อยู่คู่กับทุกบ้านและดูแลรักษาสุขอนามัยในช่องปากให้แก่เด็กและผู้ใหญ่ยาวนานตลอดกว่า 90 ปี
ปัจจุบันขาวละออเภสัชมีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายทั้งหมด 4 หมวด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ, ยาสมุนไพรไทย, เครื่องดื่มชงละลาย, และเครื่องสำอาง
“เป้าหมายหลักของขาวละออ คือ การเป็นแบรนด์แห่งความเชื่อมั่นและศรัทธาของคนไทย ผนวกกับการเป็นแบรนด์ที่พัฒนาองค์ความรู้อย่างไม่เคยหยุดยั้งตามยุคสมัย อีกทั้งการทำงานที่ยากๆที่ถือเป็นอาจารย์ของเรามีอยู่ 2 ประเทศ คือ เยอรมัน และญี่ปุ่น ที่ยิ่งเข้มงวดในผลิตภัณฑ์ของเรามากแค่ไหนก็ยิ่งทำให้บริษัทเราต้องปรับปรุงมากขึ้นเท่านั้น และการร่วมมือร่วมใจในการทำงานขององค์กรที่เป็นหนึ่งเดียว
ผมถือคติว่า ทำงานยากๆทำให้เราเก่ง แต่เมื่อไรทำงานง่ายๆยิ่งทำให้เราอ่อนแอ่ลง”โดยเราได้ร่วมมือกับห้องปฏิบัติการด้านงานวิจัยสมุนไพรทั้งของภาครัฐและเอกชนของเมืองไทยในการต่อยอดภูมิปัญญา และให้การสนับสนุนนักวิจัยไทย ทั้งนี้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคให้สามารถมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติอันดีเยี่ยมและปลอดภัยต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน และรู้สึกมีความภูมิใจในสมุนไพรของไทย ไปพร้อมๆ กับยกระดับความสามารถของการประกอบกิจการด้านสมุนไพรและการวิจัยในทุกระดับ” นายวัชรพงษ์ กล่าวเสริม
บ.ขาวละออเภสัช ดำเนินการผลิตด้วยกระบวนการทันสมัย และได้รับมาตรฐาน PIC/s GMP และ ISO 9001 ทั้งยังได้การยอมรับถึงความมีคุณภาพและจริยธรรมจากหน่วยงานวิจัยและหน่วยงานราชการ เช่น รางวัล อ.ย. ควอลิตี้อวอร์ด 6 สมัย และในปี 2019 นี้ ขาวละออได้รับถ้วยเกียรติยศจาก อย. โดยเป็นบริษัทสมุนไพรรายแรก ที่ได้รับรางวัล อย.ควอลิตี้อวอร์ดถึง 3 ปี ติดต่อกัน รางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ 3 ผลิตภัณฑ์ รางวัลผู้ประกอบการสมุนไพรดีเด่นระดับชาติ และล่าสุด ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงานแสดงสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ “The 47th International Exhibition of Inventions Geneva 2019” ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จากผลิตภัณฑ์ “ขาวละออเม้าธ์เจล” เป็นต้น ในการ่วมพัฒนางานวิจัย ที่สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ได้ส่งไปประกวดจนได้รับรางวัลกลับมาและเป็นที่ยอมรับระดับโลก
“ขาวละออ เป็นผลิตภัณฑ์ที่บูรณาการสมุนไพรไทยดั้งเดิมและนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค และมีบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน, เภสัชกรแผนปัจจุบัน, แพทย์แผนไทย เป็นทีมงานร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยร่วมกับภาครัฐ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆที่เชี่ยวชาญ และเอกชน ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ อย่างชัดเจน” นายวัชรพงษ์ กล่าวปิดท้าย