ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กทม. ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และ บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านผลิตยาและเวภัฑณ์ระดับโลก ร่วมให้สัมภาษณ์ถึงที่มาข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จความร่วมมือระหว่างไบโอเทคและโนวาร์ตีส ตลอดระยะเวลากว่า 14 ปี พร้อมแผนกลยุทธ์ของในปี 2562 ที่จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของประเทศไทยในการทำวิจัยเพื่อค้นคว้าและพัฒนายา ประกอบด้วย
นางสุมาลี คิสธานนิทร์ ประธานบริหาร บริษัทโนวาร์ตีส(ประเทศไทย)จำกัด ดร. สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ดร.วนิชา วิชัย หัวหน้าทีมวิจัยของไบโอเทค และ ดร.คาเรน ไบรเนอร์ ผู้บริหารระดับสูง Global Discovery Chemistry (Novartis Pharma) และ ดร.แฟรงค์ ปีเตอร์เซน ผู้อำนวยการ Natural Products Unit, Global Discovery Chemistry (Novartis Pharma) เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562
โดย ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และ บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมมือมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 ในการร่วมมือพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรหรือนักวิทยาศาสตร์ของไบโอเทค ซึ่งอยู่ภายใต้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปัจจุบันเปลี่ยนอยู่ภายใต้สังกัด กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม(อว.)
นางสุมาลี คิสธานนิทร์ ประธานบริหาร บริษัทโนวาร์ตีส(ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า โนวาร์ตีส หนึ่งในผู้นำด้านผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ระดับโลก ได้ร่วมมือกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือไบโอเทค ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ในด้านการวิจัยค้นคว้าและพัฒนายา เพราะทางบริษัทฯใหญ่ในต่างประเทศเห็นศักยภาพในการพัฒนานักวิจัยคนไทยได้เรียนรู้เครื่องมือทันสมัยของบริษัทโนวาร์ตีส รวมถึงวัตถุดิบหรือสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติต่างๆจากจุลทรีย์ในเมืองไทยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ
อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้าน วิทยาศาสาตร์ของทั้งสองหน่วยงานอย่างราบรื่นตลอดมา จนส่งผลให้มีการขยายสัญญาความร่วมมืออย่างต่อเนื่องถึง 5 ครั้ง โดยไบโอเทคยังได้มีโอกาสเรียนรู้นวัตกรรมขั้นสูง ตลอดจนการเข้ารับการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญของโนวาร์ตีส ที่สถาบันวิจัยทางชีวภาพและการแพทย์ โนวาร์ตีส (NIBR) ณ เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ เมืองเอเมอรี่วิลล์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ดร.แฟรงค์ ปีเตอร์เซน ผู้อำนวยการ Natural Products and Biomolecular Chemistry, Global Discovery Chemistry (Novartis Pharma) กล่าวว่า ปัจจุบันโนวาร์ตีสและไบโอเทค ได้ร่วมกันศึกษาวิเคราะห์ถึงศักยภาพทางเคมีของแบคทีเรีย กลุ่ม Gram-negative ซึ่งนับเป็นแบคทีเรียกลุ่มใหม่ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสามารถใช้เป็นแหล่งสารประกอบทางเคมีได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการขยายความความร่วมมือไปสู่การพัฒนาและประยุกต์ใช้คลังข้อมูลทางพันธุกรรมและชีววิทยาสังเคราะห์ เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถในการสังเคราะห์สารทางชีวภาพของแบคทีเรียกลุ่มนี้ให้มากยิ่งขึ้น
ดร.แฟรงค์ ปีเตอร์เซน ผู้อำนวยการ Natural Products and Biomolecular Chemistry, Global Discovery Chemistry (Novartis Pharma) กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โนวาร์ตีสและไบโอเทคยังได้ร่วมมือกันเพื่อการพัฒนาทางด้านทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้อย่างเห็นได้ชัดว่า จากความร่วมมือดังกล่าวนี้ได้ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทั้งประสิทธิภาพด้านการเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากร และความสำเร็จต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย แม้ว่าจะยังไม่สามารถผลิตเป็นยาใหม่ๆออกมาใช้ได้ในขณะนี้ก็ตาม แต่เป็นความมุ่งมั่นที่ทางบริษัทต้องการเปลี่ยนแปลงการรักษาโรคให้เท่าทัน ด้วยการผลิตตัวยาใหม่ๆ หรือการรักษาใหม่ๆที่ได้จากสารธรรมชาติมาใช้ในการรักษา
ด้าน ดร.วนิชา วิชัย หัวหน้าทีมวิจัยของไบโอเทค กล่าวว่า ตนเป็นคนแรกที่ โนวาร์ตีส ได้ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ทาง ไบโอเทค ซึ่งช่วยส่งเสริมให้เราสามารถพัฒนาขีดความสามารถของนักวิจัยชาวไทยได้มากยิ่งขึ้น และจากการฝึกอบรมในเชิงปฏิบัติการและการแนะแนวทางจากผู้เชี่ยวชาญของโนวาร์ตีส หนึ่งในนักวิจัยของไบโอเทคได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแบคทีเรีย actinomycetes และสามารถสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก นอกจากนี้ ยังมีนักวิจัยของไบโอเทคอีกกว่า 13 คน ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมที่สถาบันวิจัยของโนวาร์ตีส เรียนรู้เทคโนโลยีอันล้ำสมัย รวมถึงสัมผัสประสบการณ์ตรงในการวิจัยค้นคว้าและพัฒนายาต่างๆ ของอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์
ด้านนางสุมาลี คริสธานินทร์ ประธานบริหาร บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า โนวาร์ตีส ยังคงมองหาและสร้างความร่วมมือกับสถาบันต่างๆ เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ในกรอบแนวคิดและความสนใจในการวิจัยค้นคว้าร่วมกัน ทั้งยังคงไม่หยุดยั้งที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่ ดร.แฟรงค์ กล่าวว่า โดยทั่วไปสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจะมีองค์ประกอบของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สามารถพบได้จากแหล่งธรรมชาติเท่านั้น เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา และพืชบางชนิด ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทั้งในรูปแบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือนำมาสกัดเพื่อพัฒนาเป็นส่วนผสมสำหรับการผลิตยาในการรักษาโรคต่างๆ โดยยาที่จำหน่ายในท้องตลาดในปัจจุบัน มีถึง 39% ที่มีสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ ทั้งนี้ การวิจัยค้นคว้าและ พัฒนายาในสมัยใหม่จากสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีที่หลากหลาย รวมถึงการค้นหาเชื้อจุลินทรีย์ การเพาะเชื้อจุลินทรีย์ การวิเคราะห์ทางเคมี ชีววิทยาสังเคราะห์และชีวสารสนเทศศาสตร์
สถาบันวิจัยทางชีวภาพและการแพทย์ โนวาร์ตีส (NIBR) เป็นสถาบันแห่งนวัตกรรมของโนวาร์ตีสซึ่งมีความร่วมมือกับองค์กรวิจัยต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งมีการวิจัยสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยค้นคว้าและพัฒนายาที่อยู่ในระดับแนวหน้า ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยพร้อมกับทักษะและความเชี่ยวชาญ ขั้นสูงในการค้นหาสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากแหล่งต่างๆที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ
ในขณะ ดร.สมวงษ์ ผอ.ไบโอเทค กล่าวว่า ไบโอเทค เป็นสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจุลชีววิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเชื้อราและ แบคทีเรียชนิด actinomycetes ซึ่งสามารถพบได้มากมายในธรรมชาติ โดยภายหลังจากการได้รับองค์ความรู้ล่าสุดเกี่ยวกับการค้นหาและสกัดแยกเชื้อแบคทีเรีย actinomycetes จากทางโนวาร์ตีสแล้วนั้น นักวิจัยไบโอเทคจึงได้เร่งพัฒนาขีดความสามารถและความเชี่ยวชาญอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสร้างคลังแบคทีเรีย actinomycetes ที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์และครอบคลุมกว่า 68 จำพวก และจากกระบวนการนี้เองยังได้ส่งผลให้นักวิจัยสามารถค้นพบแบคทีเรีย actinomycetes สายพันธุ์ใหม่ เพิ่มขึ้นถึง 15 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความหลากหลายของแบคทีเรียกลุ่มนี้ อันเป็นแหล่งสำคัญของการพัฒนายาสมัยใหม่ต่อไป
เกี่ยวกับโนวาร์ตีส
โนวาร์ตีส หนึ่งในผู้นำด้านผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ระดับโลก ซึ่งมุ่งทำการวิจัยค้นคว้าและพัฒนายาเพื่อปรับปรุงและยืดอายุของผู้คน โดยใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการรักษาที่เหมาะสมตามความต้องการทางการแพทย์ให้มากยิ่งขึ้น ในกระบวนการการค้นคว้าและพัฒนายาใหม่นั้นถือได้ว่าโนวาร์ตีส เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาในอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งผลิตภัณฑ์ของโนวาร์ตีสสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า 750 ล้านคนทั่วโลกและยังคงเดินหน้าค้นหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อการขยายการเข้าถึงการรักษาของผู้คนให้ได้มากที่สุด ปัจจุบัน โนวาร์ตีสมีพนักงานทั่วโลก ประมาณ 105,000 คน จากกว่า 140 สัญชาติ