ตามที่สื่อมวลชนหลายสำนักได้มีการนำเสนอข่าวที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์กรมหาชน) หรือ สทน. ได้ก่อตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ขึ้นที่ ต.ทรายมูล อ.องค์รักษ์ และมีการนำกากกัมมันตรังสีซึ่งเกิดจากการผลิต หรือการใช้วัสดุนิวเคลียร์หรือจากเครื่องกําเนิดรังสี ที่หมดอายุการใช้งานแล้ว ซึ่งเดิมมีการเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานเดิมที่ถนนวิภาวดีบางเขน ข้าง มก. และศูนย์ฉายรังสีคลอง 5 ปทุมธานี โดยมีการจัดจ้างเอกชนให้ทำการขนย้ายกากกัมมันตรังสีทั้ง 2 แห่งดังกล่าว ไปเก็บรักษาไว้ ณ โรงเก็บกากกัมมันตรังสี อ.องค์รักษ์ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ โดยที่ภาคประชาชนในพื้นที่อำเภอองค์รักษ์ และหรือประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครนายกไม่มีใครทราบข้อมูลดังกล่าวเลยแต่อย่างใด ตลอดจนระบุว่า สทน.ไม่ดำเนินตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่เกี่ยวข้อง
ดร.พรเทพ นิศามณีพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ได้ชี้แจงประเด็นที่ นายศรีสุวรรณ และชาวอำเภอองครักษ์ไปร้อง ปปช.นั้นน่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน และมีหลายประเด็นที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ของชี้แจงประเด็นต่างๆ ดังนี้
2. สำหรับที่ระบุว่า สทน.ไม่ทำการตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 นั้นอาจจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยมาตรา 51 ที่ระบุในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ซึ่งปัจจุบันสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) อยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ และจัดทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) เพื่อขอจัดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยเครื่องใหม่ ขั้นตอนดังกล่าวเพิ่งเริ่มดำเนินการ ยังไม่มีการอนุมัติการก่อสร้างโครงการแต่อย่างใด สทน.จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องขอรับใบอนุญาตสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ตามที่ระบุ
ปัจจุบัน สทน.เป็นหน่วยงานของรัฐหน่วยงานเดียวที่ทำหน้าที่ในการจัดการกากกัมมันตรังสี โดยดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามในฐานะผู้บริหารสูงสุดของ สทน.ขอยืนยันว่า การดำเนินการของ สทน.ดำเนินการอย่างถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และยังได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก อาทิ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลภายในประเทศ และทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) หน่วยงานด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ ขอให้เชื่อมั่นว่าเราจะดำเนินทุกกิจกรรมอย่างตรงไปตรงมา และตรวจสอบได้ ดร.พรเทพ กล่าวในตอนท้าย